คู่รักกำลังปรึกษาแพทย์ถึงข้อควรปฏิบัติหลังใส่ตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก

5 ข้อควรปฏิบัติหลังใส่ตัวอ่อน เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ !

5 ข้อควรปฏิบัติหลังใส่ตัวอ่อน เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ !

หลังจากผ่านการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการทำ IVF หรือ ICSI ช่วงเวลาที่หลายคนมักมองว่าท้าทายที่สุดก็คือ “ช่วงหลังใส่ตัวอ่อน” เพราะเต็มไปด้วยทั้งความหวังและความกังวล หลายคนเฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “ควรทำอย่างไรต่อไป ?” หรือ “หลังใส่ตัวอ่อนกี่วันถึงจะฝังตัว ?” ขณะเดียวกันก็มักคอยสังเกตอาการของร่างกายอย่างใกล้ชิด จนบางครั้งเผลอสร้างความเครียดให้ตัวเองโดยไม่รู้ตัว

ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงข้อควรปฏิบัติที่เหมาะสมในช่วงนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้มากยิ่งขึ้น

การใส่ตัวอ่อนคืออะไร ?

การใส่ตัวอ่อน (Embryo Transfer) คือขั้นตอนสำคัญในกระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก หลังจากที่ไข่และอสุจิได้รับการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการแล้ว แพทย์จะคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีที่สุดและย้ายเข้าสู่โพรงมดลูกของผู้หญิงผ่านสายท่ออ่อนขนาดเล็ก ขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่นาน แต่ต้องทำอย่างนุ่มนวลและแม่นยำ และถือเป็นช่วงปิดท้ายของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรืออิ๊กซี่ (ICSI) ที่ทุกคู่สมรสที่เข้ารับบริการต่างรอคอย เพราะเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่การตั้งครรภ์

หลังใส่ตัวอ่อนกี่วันถึงจะฝังตัว?

โดยทั่วไปแล้ว ตัวอ่อนจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ในการเคลื่อนที่เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมในโพรงมดลูก จากนั้นจะค่อย ๆ ฝังตัวและเจริญเติบโตในเยื่อบุโพรงมดลูก อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาและความสำเร็จในการฝังตัวยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น

  • คุณภาพของตัวอ่อน ยิ่งตัวอ่อนมีคุณภาพดีเท่าไร โอกาสการฝังตัวก็ยิ่งสูงขึ้น
  • ระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมรับการฝังตัว
  • สภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก หากเยื่อบุมีความหนาและสมบูรณ์เหมาะสม ไม่มีติ่งเนื้อหรือการอักเสบ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นในช่วงเวลานี้ การดูแลร่างกายให้แข็งแรงและผ่อนคลายจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สภาพแวดล้อมในโพรงมดลูกเหมาะสมแก่การฝังตัวมากที่สุด

อาการหลังใส่ตัวอ่อนที่พบบ่อย

แม้ว่าอาการหลังใส่ตัวอ่อนจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่ก็มีบางสัญญาณที่พบได้บ่อย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ได้แก่

มีเลือดออกเล็กน้อย

อาการนี้มักเกิดขึ้นภายใน 6-12 วัน หลังใส่ตัวอ่อน เป็นผลจากการที่ตัวอ่อนเริ่มเกาะและฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูก เลือดที่ออกจะมีปริมาณไม่มาก สีชมพูอ่อนหรือน้ำตาล และแตกต่างจากเลือดประจำเดือนที่มักมีปริมาณมากกว่า

ปวดหน่วงท้องน้อย 

อาการนี้คล้ายกับช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่มดลูกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยมีเลือดไปเลี้ยงเพิ่มขึ้น และปรับตัวเพื่อสร้างสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน

เต้านมคัดหรือเจ็บ 

เนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนที่เพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นกลไกทางธรรมชาติของร่างกายที่ช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์

อ่อนเพลียหรืออารมณ์แปรปรวน 

ระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อระบบประสาทและสมดุลของร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย หรืออ่อนไหวกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอาการเหล่านี้ ก็ไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้วทางที่เหมาะสมที่สุดคือการรอผลตรวจเลือดยืนยันตามวันที่แพทย์นัดหมาย

5 ข้อควรปฏิบัติหลังใส่ตัวอ่อน

เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่สุดต่อการฝังตัวของตัวอ่อน คุณควรให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยแนวทางที่แพทย์มักแนะนำมีดังนี้

1. พักผ่อนให้เพียงพอ

แม้จะไม่จำเป็นต้องนอนนิ่งตลอดเวลา แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากเกินไป เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ อีกทั้งการพักผ่อนที่เหมาะสมยังจะช่วยให้ระบบฮอร์โมนทำงานได้อย่างสมดุลมากขึ้นด้วย

2. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 

การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ควรเน้นโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ปลา ไก่ ถั่ว รวมถึงผักและผลไม้สดที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ พร้อมกันนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดองหรืออาหารที่ไม่สะอาด เพราะอาจกระทบต่อระบบทางเดินอาหารและสมดุลของฮอร์โมนได้

3. ดื่มน้ำในปริมาณเหมาะสม 

เพราะน้ำช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย และช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานได้ดี การดื่มน้ำอย่างเพียงพอในแต่ละวันยังจะช่วยลดความอ่อนเพลียและทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้น

4. จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม 

สภาพจิตใจที่ดีมีส่วนช่วยให้ฮอร์โมนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้สึกกังวลหรือเครียด ควรหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลงเบา ๆ เดินเล่นอย่างช้า ๆ หรือฝึกสมาธิ เพื่อสร้างสมดุลทั้งกายและใจ

5. ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด 

โดยเฉพาะการใช้ยาฮอร์โมนสนับสนุนโพรงมดลูก ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการฝังตัว ทั้งนี้ห้ามหยุดยาเองหรือปรับปริมาณยาโดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์เด็ดขาด เพราะอาจส่งผลเสียต่อโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์

embryo transfer aftercare 1คุณแม่ดูแลตัวเองหลังใส่ตัวอ่อนในโพรงมดลูกอย่างเคร่งครัด จนตั้งครรภ์ในที่สุด

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังใส่ตัวอ่อน

บางพฤติกรรมหรือกิจกรรมอาจส่งผลกระทบต่อการฝังตัวของตัวอ่อนโดยตรง การรู้ล่วงหน้าจึงช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้มากขึ้น

1. หลีกเลี่ยงความร้อนสูง

การแช่น้ำร้อน อบซาวน่า หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน อาจทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการฝังตัวของตัวอ่อน นอกจากนี้ ความร้อนยังอาจกระทบต่อการทำงานของฮอร์โมนและการไหลเวียนโลหิตในมดลูก ดังนั้นควรเลือกอาบน้ำอุ่นในอุณหภูมิที่พอเหมาะจะดีกว่า

2. งดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงแรก

แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่ข้อห้าม แต่ในช่วงสัปดาห์แรกหลังใส่ตัวอ่อนควรงดไว้ก่อน เพราะการมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้มดลูกเกิดการบีบตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการฝังตัวได้

3. หลีกเลี่ยงการเดินทางไกลหรือกิจกรรมที่ใช้แรงมาก 

การเดินทางที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า โดยเฉพาะการนั่งรถเป็นเวลานานหรือการขึ้นเครื่องบินในช่วงแรก อาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนหรือแรงกระแทกต่อร่างกายมากเกินไป เช่นเดียวกับการออกกำลังกายหนัก ๆ ที่ทำให้กล้ามเนื้อท้องและเชิงกรานเกร็งตัว ซึ่งอาจส่งผลไม่ดีต่อโอกาสฝังตัวของตัวอ่อน

4. งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน

การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มคาเฟอีนมากจนเกินไป มีผลโดยตรงต่อคุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูก รวมถึงอาจกระทบต่อสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งทำให้โอกาสการฝังตัวของตัวอ่อนลดลง 

5. ไม่ควรใช้ยาที่ไม่ได้รับการยืนยันจากแพทย์

ยาบางชนิดอาจมีผลต่อฮอร์โมนหรือการทำงานของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการฝังตัวได้ ดังนั้นหากมีอาการเจ็บป่วย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง

หากคุณกำลังวางแผนมีบุตร แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากขั้นตอนไหน Bangkok IVF Clinic (BIC) คลินิกให้บริการด้านภาวะมีบุตรยากยินดีให้คำปรึกษา ภายใต้การดูแลของ นพ.วิวรรธน์ ชินพิลาศ แพทย์ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์มากกว่า 30 ปี ซึ่งเข้าใจดีว่าขั้นตอนการใส่ตัวอ่อน หรือ Embryo Transfer คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการตั้งครรภ์

BIC Clinic ให้บริการตรวจ วินิจฉัย และรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) การทำอิ๊กซี่ (ICSI) และการตรวจคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT-A) โดยดำเนินการภายใต้มาตรฐานของสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและสบายใจในทุกขั้นตอนของการรักษา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดหมายปรึกษาได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง

  1. 5 Things to Do – and 3 Things to Avoid – After Your Embryo Transfer. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 จาก https://www.healthline.com/health/infertility/after-embryo-transfer-precautions.

This site is registered on wpml.org as a development site.