บริการทำเด็กหลอดแก้ว
SHOW ALLการทำ IVF คืออะไร ? บริการทำเด็กหลอดแก้วเพิ่มโอกาสมีบุตร
เชื่อว่าการมีลูกคือความฝันของใครหลายคน แต่สำหรับคู่สมรสบางคู่ การตั้งครรภ์ตามธรรมชาติอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งสาเหตุของภาวะมีบุตรยากที่เกิดขึ้นนั้น สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งในฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ไม่ว่าจะเป็นจากภาวะท่อนำไข่ผิดปกติ คุณภาพอสุจิที่ต่ำลง หรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้การตั้งครรภ์ตามธรรมชาติเป็นเรื่องยาก แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ได้เข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ให้สำเร็จ โดยหนึ่งในวิธีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดก็คือ การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF – In Vitro Fertilization)
ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) เราเป็นหนึ่งในศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ห้องปฏิบัติการ IVF ที่ได้มาตรฐานสากล และเทคโนโลยีการรักษาที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้คู่รักที่เผชิญภาวะมีบุตรยากมีโอกาสได้สัมผัสความสุขของการมีลูกสมความตั้งใจ
การทำ IVF คืออะไร ?
IVF (In Vitro Fertilization) คือเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ใช้วิธีการผสมเซลล์ไข่และอสุจิภายนอกร่างกาย ภายใต้สภาวะควบคุมในห้องปฏิบัติการ ก่อนนำตัวอ่อนที่แข็งแรงกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ วิธีนี้ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยให้คู่สมรสที่ประสบภาวะมีบุตรยากยังคงมีโอกาสได้สัมผัสความสุขในการเป็นพ่อแม่
เด็กหลอดแก้วคืออะไร ?
คำว่า “เด็กหลอดแก้ว” คือคำที่คนไทยนิยมใช้เรียกการทำ IVF โดยเปรียบเปรยถึงขั้นตอนที่ตัวอ่อนถูกสร้างขึ้นภายนอกร่างกายใน “หลอดแก้วทดลอง” ก่อนจะถูกย้ายกลับเข้าสู่มดลูก แม้คำเรียกจะต่างกัน แต่แท้จริงแล้วเด็กหลอดแก้วก็คือกระบวนการเดียวกับการทำ IVF
กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี IVF
กระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่ต้องทำอย่างพิถีพิถันภายใต้การดูแลของแพทย์
1. การกระตุ้นไข่
แพทย์จะให้ยากระตุ้นฮอร์โมน เพื่อกระตุ้นให้รังไข่สร้างไข่หลายใบมากกว่าปกติ พร้อมติดตามผลด้วยอัลตราซาวด์และการตรวจเลือด เพื่อให้ได้ไข่ที่มีคุณภาพดี
2. การเก็บไข่และเก็บอสุจิ
เมื่อไข่โตเต็มที่ จะมีการเก็บไข่ด้วยการทำหัตถการภายใต้ยาสลบอย่างอ่อน ขณะเดียวกัน ฝ่ายชายจะเก็บอสุจิหรือนำอสุจิที่แช่แข็งไว้มาใช้ประกอบการทำ IVF
3. การปฏิสนธิและเพาะเลี้ยงตัวอ่อน
ไข่และอสุจิจะถูกนำมาผสมในห้องแล็บ IVF จากนั้นจะได้รับการเพาะเลี้ยงจนเกิดเป็นตัวอ่อน โดยแพทย์จะคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพที่สุดเพื่อเตรียมนำกลับไปใส่ในมดลูก
4. การย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก
เป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยแพทย์จะย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกผ่านสายสวนขนาดเล็ก หลังจากนั้นรอให้ตัวอ่อนฝังตัวและเจริญเติบโตตามธรรมชาติ
ข้อดีและข้อควรรู้ของการทำ IVF คืออะไร ?
ข้อดี
- ช่วยเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก
- ใช้ได้ในหลายกรณี เช่น ท่อนำไข่อุดตัน คุณภาพอสุจิต่ำ หรือภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ
- สามารถตรวจคัดกรองความผิดปกติของตัวอ่อน (PGT) ก่อนย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก
ข้อควรรู้
- การทำ IVF มีค่าใช้จ่ายที่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุของผู้ป่วย จำนวนรอบที่ทำ วิธีการรักษาที่เลือกใช้ และการตรวจเพิ่มเติม
- ต้องอาศัยระยะเวลาและการนัดหมายหลายครั้ง
- ความสำเร็จจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสุขภาพและอายุของผู้ป่วย
ทำไมต้องทำ IVF ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) ?
ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
Bangkok IVF Clinic (BIC) มีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ยาวนาน โดย นท. นพ.วิวรรธน์ ชินพิลาศ เป็นผู้นำทีมที่อยู่ในสายงานเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์มากกว่า 29 ปี ผู้เข้ารับการรักษาจึงมั่นใจได้ ว่าในทุกขั้นตอนของการทำ IVF จะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมใส่ใจในทุกรายละเอียด
ห้องปฏิบัติการมาตรฐานระดับสากล
ห้องแล็บ IVF ของเราออกแบบตามมาตรฐานสากลและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านตัวอ่อนมนุษย์ (Embryologists) มากประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิสนธิ การเลี้ยงตัวอ่อน และการย้ายตัวอ่อนกลับสู่โพรงมดลูกจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
เทคโนโลยีครบครัน รองรับทุกความต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นการทำ IVF, ICSI, PGT-A, PGT-M ไปจนถึงการแช่แข็งเซลล์สืบพันธุ์ (Cryopreservation) Bangkok IVF Clinic มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกแนวทางการรักษา เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย
แผนการรักษาที่ปรับเฉพาะบุคคล
เรามุ่งเน้นการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Care) โดยคำนึงถึงอายุ สุขภาพ และความต้องการของผู้ป่วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้วอย่างเต็มที่
ได้รับความไว้วางใจจากทั้งในและต่างประเทศ
Bangkok IVF Clinic ได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ ที่เดินทางมาเพื่อเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและมาตรฐานที่เราให้ความสำคัญเสมอมา
เรื่องราวความประทับใจจากผู้ทำ IVF ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC)
ทำ IVF ที่ไหนดี ? ปรึกษาแพทย์เพื่อทำ IVF ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC)
Bangkok IVF Clinic (BIC) พร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ นำโดย นท. นพ.วิวรรธน์ ชินพิลาศ ผู้มีประสบการณ์กว่า 29 ปี และห้องปฏิบัติการมาตรฐานสากล สามารถเข้ามาปรึกษาเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณได้เลย
หากคุณสนใจการทำเด็กหลอดแก้ว และหาคำตอบว่าโปรแกรมทำเด็กหลอดแก้วราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ ? เริ่มต้นได้อย่างไร ? สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) เพื่อรับคำแนะนำและแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณได้เลย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร : +(66)02-933-1584 ถึง 6
Line@ : @Bangkokivfcenter
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)
การทำเด็กหลอดแก้วราคาเริ่มต้นเท่าไร ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ?
การทำเด็กหลอดแก้วราคาเริ่มต้น 289,999 บาท ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการทำ IVF จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุและสุขภาพของฝ่ายหญิง คุณภาพไข่และอสุจิ จำนวนรอบที่ต้องทำ รวมถึงการตรวจเพิ่มเติมหรือการใช้เทคนิคเสริม เช่น การเก็บอสุจิด้วยเทคนิค PESA/TESE หรือการตรวจคัดกรอง PGT ทำให้การทำ IVF มีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไปในแต่ละราย สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับการรักษากับ Bangkok IVF Clinic (BIC) คุณจะได้รับการประเมินค่าใช้จ่ายอย่างโปร่งใสก่อนเริ่มต้นการรักษา
กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะทราบผล ?
โดยทั่วไปกระบวนการ IVF ตั้งแต่การกระตุ้นไข่จนถึงการย้ายตัวอ่อน ใช้เวลาประมาณ 4–6 สัปดาห์ หลังจากย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกแล้ว จะต้องรอประมาณ 10–14 วัน จึงสามารถตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่
ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการทำ IVF ?
การเตรียมตัวมีความสำคัญอย่างมาก ผู้ป่วยควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่ นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเลือด ตรวจฮอร์โมน และทำอัลตราซาวนด์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
อัตราความสำเร็จของการทำ IVF ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง และแต่ละช่วงอายุมีผลอย่างไร ?
ปัจจัยสำคัญคืออายุของฝ่ายหญิง โดยผู้หญิงอายุน้อยกว่า 35 ปี มักมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าผู้หญิงที่มีอายุเกิน 36 ปี นอกจากนี้คุณภาพของไข่และอสุจิ รวมถึงสุขภาพของมดลูก และการดูแลหลังการย้ายตัวอ่อนก็ล้วนมีผลต่อโอกาสสำเร็จ ซึ่งแพทย์จะประเมินและอธิบายอัตราความสำเร็จที่ใกล้เคียงกับสภาพร่างกายของคุณ
