บริการทำเด็กหลอดแก้ว
SHOW ALLการกระตุ้นการตกไข่
ฉีดยากระตุ้นไข่ ขั้นตอนสำคัญในการทำ IVF และ ICSI
สำหรับคู่แต่งงานที่ต้องการเติมเต็มชีวิตครอบครัวด้วยการมีบุตร แต่ต้องเผชิญกับภาวะมีบุตรยาก การหันมาใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology: ART) ไม่ว่าจะเป็นการทำ IVF (In Vitro Fertilization) และ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) นับเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการมีบุตรได้ โดยการฉีดยากระตุ้นเพื่อให้ไข่เติบโต เป็นวิธีการรักษาโดยให้ยากับคนไข้เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของฟองไข่ในรังไข่ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ จนกระทั่งมีการนำไข่ออกจากร่างกาย ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้ในที่สุด
Bangkok IVF Clinic (BIC) คือศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยากที่ได้มาตรฐานระดับสากล ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ยาวนานและทีมงานที่พร้อมใส่ใจในทุกรายละเอียด เราเข้าใจถึงความปรารถนาของทุกคู่รัก และมุ่งมั่นที่จะมอบการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment) ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อให้คุณได้มีบุตรสมดังใจปรารถนา
การกระตุ้นไข่คืออะไร ?
การกระตุ้นไข่ (Ovarian Stimulation) คือกระบวนการที่ฉีดยาหรือฮอร์โมนกระตุ้นการเติบโตของไข่ เพื่อให้ไข่ในรังไข่ที่เจริญเติบโตพร้อมกันหลายฟอง (Multiple Follicle Development) ซึ่งจะช่วยเพิ่มจำนวนไข่ที่สามารถเก็บได้ และเพิ่มโอกาสในการได้ตัวอ่อนที่มีคุณภาพหลายตัวเพื่อเพิ่มทางเลือกและความสำเร็จในการตั้งครรภ์ โดยยากระตุ้นไข่มักเป็นกลุ่มฮอร์โมนสังเคราะห์ เช่น
- FSH (Follicle-Stimulating Hormone) มีบทบาทหลักในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของฟองไข่ (Follicles)
- LH (Luteinizing Hormone) ทำงานร่วมกับ FSH และมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการขั้นสุดท้ายของไข่
- GnRH Antagonists ใช้เพื่อป้องกันการตกไข่ก่อนกำหนด (Premature Ovulation) โดยจะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนในช่วงการกระตุ้นไข่ เพื่อให้สามารถเก็บไข่ในเวลาที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงจากภาวะตกไข่ก่อนเวลา
ขั้นตอนการฉีดยาฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC)
ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด กระบวนการกระตุ้นไข่จึงถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันและอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์เฉพาะทาง ดังนี้
- การตรวจประเมินเบื้องต้น ก่อนเริ่มฉีดยากระตุ้นไข่ แพทย์จะทำการตรวจอัลตราซาวนด์และตรวจเลือดเพื่อประเมินระดับฮอร์โมน และจำนวนฟองไข่ตั้งต้น (Antral Follicle Count: AFC) เพื่อกำหนดโปรโตคอลการให้ยาที่เหมาะสม
- การให้ยากระตุ้นไข่ ผู้ป่วยจะได้รับยาฮอร์โมน ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบที่สามารถฉีดได้ด้วยตนเองที่บ้าน โดยแพทย์จะกำหนดปริมาณและระยะเวลาที่ต้องฉีด ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้เวลาประมาณ 8-10 วัน
- การติดตามการเจริญเติบโตของฟองไข่ (Follicle Monitoring) โดยในช่วงระหว่างที่ได้รับฮอร์โมนกระตุ้นไข่ ผู้ป่วยจะต้องมาพบแพทย์เป็นระยะเพื่อตรวจอัลตราซาวนด์ พร้อมกับติดตาม Follicle เพื่อดูขนาดและจำนวนของฟองไข่ และปรับขนาดยาตามความเหมาะสม
- การฉีดกระตุ้นให้ไข่สุก (Trigger Injection) เมื่อฟองไข่ส่วนใหญ่มีขนาดประมาณ 17-18 มิลลิเมตร แพทย์จะให้ยาเร่งไข่ตก เพื่อกระตุ้นไข่ให้สุก ซึ่งเป็นสารเคมีเลียนแบบฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) การฉีดนี้เรียกว่า “Trigger Injection” และเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะจะกำหนดเวลาที่แน่นอนในการเก็บไข่ ซึ่งต้องทำภายใน 34-36 ชั่วโมงหลังการฉีด Trigger Injection
- การเก็บไข่ หลังการฉีดกระตุ้นไข่สุก โดยแพทย์จะทำการเก็บไข่ภายใต้การดมยาสลบอ่อน ๆ โดยใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านช่องคลอดภายใต้การนำทางของอัลตราซาวนด์
ข้อดีและข้อจำกัดของการกระตุ้นไข่
ข้อดี
- เพิ่มจำนวนไข่ที่ได้รับในการเก็บไข่
- เพิ่มโอกาสในการได้ตัวอ่อนจำนวนมากและคุณภาพดี
- ลดจำนวนรอบการรักษาที่จำเป็น
- เพิ่มอัตราความสำเร็จของ IVF หรือ ICSI
- สามารถเก็บตัวอ่อนส่วนเกินไว้โดยวิธีแช่แข็งได้
ข้อจำกัด
- อาจเกิด Ovarian Hyperstimulation Syndrome (OHSS) หรือ ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป
- ผลข้างเคียงจากยา เช่น ปวดหัว คลื่นไส้
- ต้องฉีดยาทุกวันและต้องมารับการตรวจจากแพทย์บ่อยครั้ง
- มีค่าใช้จ่ายในการซื้อยา
- อาจเกิดการตอบสนองต่อยาไม่เพียงพอในบางคน
การฉีดยากระตุ้นไข่ตกเหมาะกับใคร ?
การกระตุ้นไข่ เป็นหนึ่งในกระบวนการทำ IVF และ ICSI ซึ่งเป็นการรักษาที่เหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากหลายรูปแบบ ดังนี้
- ผู้หญิงที่มีภาวะท่อนำไข่อุดตันทั้งสองข้าง (Bilateral Tubal Blockage)
- ผู้ที่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Endometriosis)
- ผู้ที่มีภาวะไม่ตกไข่เรื้อรัง (Chronic Anovulation) หรือภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS)
- คู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยากจากฝ่ายชายที่รุนแรง (Severe Male Factor)
- ผู้ที่เคยลองรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่สำเร็จ
ความประทับใจจากคนไข้ที่เคยมาฉีดยากระตุ้นไข่ตกที่ Bangkok IVF Clinic (BIC)
ทำไมต้องเลือกฉีดยากระตุ้นไข่ตกที่ Bangkok IVF Clinic (BIC)
เหตุผลที่ควรเลือก Bangkok IVF Clinic (BIC) เป็นคลินิกในการฉีดยากระตุ้นไข่ และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ด้วยกระบวนการทำ IVF และ ICSI มีดังต่อไปนี้
ประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี
Bangkok IVF Clinic (BIC) นำโดยนายแพทย์วิวรรธน์ ชินพิลาศ และทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์ในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยในการรักษา สู่ความสำเร็จในการตั้งครรภ์ของคู่แต่งงาน มาเกือบ 15 ปี
เทคโนโลยีที่ทันสมัย
ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) เราพัฒนาการรักษาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การใช้เทคโนโลยี IVF แบบดั้งเดิม การทำ ICSI และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน รวมถึงการคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อน (PGT-A)
ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน
ห้องปฏิบัติการของเรา (Embryology Lab) ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล AACI พร้อมด้วยเครื่องมือและเทคนิคที่ก้าวหน้า เช่น Time-lapse incubator
วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล
ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) เราเชื่อว่าผู้ป่วยทุกคนมีความแตกต่างกัน ทำให้แพทย์ต้องศึกษาถึงประวัติ วิเคราะห์ผลการตรวจสุขภาพ และปัจจัยต่าง ๆ ของแต่ละคู่อย่างละเอียด เพื่อออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด
ฉีดยากระตุ้นไข่ตก เส้นทางสู่ความสำเร็จของการตั้งครรภ์ที่ Bangkok IVF Clinic
กระบวนการกระตุ้นไข่ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญและเป็นหัวใจหลักในการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) เราให้ความสำคัญสูงสุดกับผลประโยชน์ของผู้ป่วย และมุ่งมั่นที่จะนำพาคู่สมรสไปสู่ความสำเร็จในการสร้างครอบครัว สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณโดยตรง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร : +(66)02-933-1584 ถึง 6
Line@ : @Bangkokivfclinic
คำถามพบบ่อย (FAQ)
ฉีดยากระตุ้นไข่ตกกี่วัน ?
โดยทั่วไปแล้วการฉีดยากระตุ้นไข่จะใช้เวลาประมาณ 8 ถึง 10 วัน ซึ่งระยะเวลาที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของรังไข่ต่อยาของแต่ละบุคคล และแพทย์จะคอยติดตามขนาดของฟองไข่อย่างใกล้ชิด
ยาที่ใช้กระตุ้นไข่เป็นอันตรายหรือไม่ ?
ยาหลัก ๆ ที่ใช้คือกลุ่มฮอร์โมน GnRH, FSH, และ LH จะมีความปลอดภัยหากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด อีกทั้งผลข้างเคียงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง เช่น มีอาการบวมหรือปวดท้องเล็กน้อย อีกทั้งภาวะ OHSS (Ovarian Hyperstimulation Syndrome) หรือ ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป ยังพบได้น้อยมาก หากมีการควบคุมปริมาณยาที่ดี ควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด
ก่อนการกระตุ้นไข่ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
การเตรียมตัวที่สำคัญ มีดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากร่างกายที่แข็งแรงจะส่งผลต่อคุณภาพของไข่
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทานโปรตีนให้เพียงพอ และดื่มน้ำพอประมาณ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 1-3 เดือนก่อนเริ่มกระบวนการ
- ควบคุมน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- ทำความเข้าใจถึงขั้นตอนต่าง ๆ อย่างครบถ้วน โดยสามารถสอบถามขั้นตอนการฉีดกระตุ้นไข่กับพยาบาลเพื่อให้รู้ถึงรายละเอียด จะได้สามารถฉีดยากระตุ้นด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการกระตุ้นไข่คืออะไร ?
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการปวดตึงท้อง ท้องอืดเล็กน้อย อารมณ์แปรปรวน หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดยา ซึ่งมักจะหายไปเองเมื่อสิ้นสุดกระบวนการกระตุ้นไข่ หากมีอาการปวดท้องรุนแรงหรือท้องอืดมากผิดปกติ ควรรีบแจ้งแพทย์ทันทีเพื่อประเมินภาวะ OHSS
การกระตุ้นไข่เพื่อการทำ IVF และ ICSI ที่ BIC มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จหรือไม่ ?
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุของคนไข้, คุณภาพไข่และตัวอ่อน รวมถึงสาเหตุของภาวะมีบุตรยากของแต่ละคน ซึ่งโดยทั่วไปการเข้ารับการรักษาที่ Bangkok IVF Clinic (BIC) มีอัตราความสำเร็จจะสูง เนื่องจากประสบการณ์ของแพทย์ และการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษา แต่ทั้งนี้ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์และตรวจวินิจฉัยร่างกายอย่างละเอียด
Trigger Injection คืออะไร ?
Trigger Injection คือการฉีดยาเร่งไข่ตก เป็นฮอร์โมนที่จะฉีดเพียงครั้งเดียวตามเวลาที่กำหนดอย่างแม่นยำ เพื่อกระตุ้นให้ไข่สุกเต็มที่ ก่อนที่แพทย์จะทำการเก็บไข่ประมาณ 34−36 ชั่วโมงหลังฉีด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการกำหนดคุณภาพและจำนวนไข่ที่จะเก็บได้มากขึ้น
